ลูกบ้านโครงการหรูขอนแก่น สุดทน ประกาศขายบ้านทั้งโครงการหลังซื้อมาแล้วได้รับสิ่งมหัศจรรย์หลายเรื่อง

ลูกบ้านโครงการหรูขอนแก่น สุดทน ประกาศขายบ้านทั้งโครงการหลังซื้อมาแล้วได้รับสิ่งมหัศจรรย์หลายเรื่อง โดยเฉพาะที่จอดรถที่ประกาศว่าจอดได้เกือบ 200 คันแต่เมื่อซื้อแล้วกับให้ถนนแค่ 4 เมตร วอน สคบ.-ศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือด่วน เพราะไม่ตรงปกอย่างชัดเจนแม้แต่ชื่อป้ายโครงการก็ไม่มี ทั้งที่เสนอขายว่าเป็นบ้านหรูสไตล์ลักชูรี่ หลังสนามบินและติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 27 ต.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากลูกบ้าน โครงการหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังรายใหญ่ของ จ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใกล้กับ ค่ายสีหราชเดโชชัย หรือกรมทหารราบที่ 8 และห่างจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไม่มากนัก ที่พบว่าลูกบ้านต่างพร้อมใจกันติดป้ายที่มีข้อความว่า “ขายด่วน ขายบ้าน ขายดินแดน พิศวง มีแต่เรื่อง “น่าอัศจรรย์” ทำการติดตั้งที่บริเวณหน้าบ้านของตนเองทั้งโครงการรวมกว่า 20 ยูนิต รวมทั้งการพยายามที่จะขอเข้าพบเจ้าของโครงการเนื่องจากรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้รับความสนใจและเหลียวแลจากเจ้าของโครงการมานานหลายปี ทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ เป็นที่ได้รับความสนใจจากชาวขอนแก่น นักลงทุนและนักธุรกิจในพื้นที่อย่างมาก

ซึ่งเมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบเจ้าของบ้านรวมกว่า 10 คนเดินดูสภาพความเสียหายของโครงการทั้งกำแพงที่กำลังจะทรุดตัว รอยร้าวของตัวบ้านที่ไม่ได้ได้รับการแก้ไข การที่ลูกบ้านใช้ความพยายามกำจัดสัตว์นานาชนิดทั้งการวางกาวดักหนู การจับงู และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ รวมไปถึงการพาชมทางเข้าที่ไม่มีแม้กระทั่งป้ายชื่อหมู่บ้านและข้อพิพาทเรื่องที่จอดรถ ที่โครงการฯได้แจ้งว่า ถนนของโครงการนั้นมีระยะความกว้างเพียง 4 เมตร เท่านั้น ซึ่งต่างจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในช่วงของการนำเสนอขายที่ระบุว่าเป็นโฮมออฟฟิต ที่สามารถจอดรถได้กว่า 150 คัน จนทำให้มีผู้ที่สนใจมาทำการเลือกซื้อจนหมดทั้งโครงการ

นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี (เจ้าตัวขอสงวนชื่อและนามสกุล เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจากโครงการ) กล่าวว่า ตนเองได้ทำการซื้อบ้านในโครงการดังกล่าวร่วมกับครอบครัว โดยในช่วงของการนำเสนอขายนั้น บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในระดับจังหวัด อักษรย่อ “ว” ได้เปิดโครงการดังกล่าว เป็นรูปแบบโฮมออฟฟิต 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 170 ตารางเมตร จำนวน 24 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท จากนั้นได้ขยับราคาจำหน่ายมาที่ 2.8 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่สนใจทั้งที่เป็นนักธุรกิจในพื้นที่ นักลงทุน รวมทั้งผู้ที่สนใจในทำเลที่ตั้งเนื่องจากตั้งอยู่ด้านหลังท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใกล้กับกกรมทหารราบที่ 8, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศว่ามีที่จอดรถมากกว่า 150 คัน จึงทำให้ผู้ที่มาเลือกซื้อส่วนใหญ่ซื้อเป็นไปในรูปแบบของโฮมออฟฟิตกันจำนวนมาก แต่พอซื้อแล้วกับไม่ได้รับความเอาใจใส่จากเจ้าของโครงการ หรือผู้ที่รับผิดชอบโครงการใดๆ ทั้งในเรื่องของการซ่อมแซมบ้านในระยะประกัน,การแจ้งซ่อมที่เป็นไปอย่างล่าช้า นัดทีมช่างมาแล้วไม่มาตามนัด บางหลังคาเรือนแจ้งซ่อมก็รอทีมช่างนานนับเดือน จึงต้องจำยอมซ่อมเองทั้งที่อยู่ในระยะประกัน

“ ที่สำคัญคือเรื่องน่าอัศจรรย์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิดเข้ามาอยู่กับคน ทั้งงู ทั้งหนู ทั้งนก เมื่อเช้าก็มีนกยูงเข้ามาในเขตบ้าน ทุกครอบครัวต้องซื้อกับดักมาดักหนูเอง ป้ายชื่อหมู่บ้านก็ไม่มี ทั้งที่ตอนนำเสนอขายนั้นระบุว่าเป็นบ้านแบบไสตล์ลักชูรี่ แบบมีระดับสไตล์ยุโรป แต่พอมาซื้อ ทั้งรอยร้าว ทั้งการให้บริการทั้งการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางก็ไม่เป็นไปตามโฆษณา หรือที่เรียกว่าไม่ตรงปกอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือเรื่องที่จอดรถ ที่ระบุว่าจอดรถได้กว่า 150 คัน แต่เมื่อเข้าข้อกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งนิติบุคคล โครงการกลับมาแจ้งว่าถนนที่จะมอบให้กับโครงการนั้นมีระยะห่างจากบ้านเพียง 4 เมตรเท่านั้น”

ขณะที่ น.ส.บลูม (เจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากโครงการ) อายุ 30 ปี กล่าวว่า บ้านที่ซื้อมากับสิ่งที่ได้รับนั้นไม่ตรงปกจริงๆ อีกทั้งโครงการยังโฆษณาเกินจริง โดยเฉพาะที่จอดรถ ที่โครงการแจ้งกับลูกบ้านทุกหลังว่า การจัดตั้งนิติบุคคลนั้นโครงการจะเหลือถนนเพียง 4 เมตร จากที่นำเสนอขายว่าสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางหรือมีที่จอดรถมากกว่า 150 คัน ซึ่งหากตั้งนิติบุคคลจริงลูกบ้านทุกคนจะต้องเหลือถนนไว้สัญจรและจอดรถ เพียง 4 เมตร เป็นเส้นทางตรงเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการโฆษณาที่เกินจริงในช่วงของการนำเสนอขายและหลอกลวงผู้บริโภคอย่างชัดเจน สอบถามไปที่โครงการก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อ้างว่าเป็นที่ส่วนบุคคล ที่มีการบริหารจัดการในอดีตและปัจจุบัน โดยไม่มองถึงอนาคต คล้ายกับว่าขายหมดแล้วก็แล้วไป ปล่อยให้ลูกบ้านทั้ง 24 หลัง ที่ซื้อบ้านจากโครงการมาแล้วก็ดูแลกันเอง โดยที่โครงการจะทำอย่างไรก็ได้หรือ

“ จากการโฆษณาตอนขาย บอกว่าจอดรถได้กว่า 150 คัน ทุกคนจึงตัดสินใจทั้งทำเลที่ตั้งที่จอดรถ แต่พอจะตั้งนิติบุคคล จากเดิมพื้นที่โครงการกว่า 4 ไร่ที่มานำเสนอขายที่เรียกได้ว่าหลอกลูกค้านั้น มาวันนี้บอกว่าถูกตัดแยกออกเป็นส่วนๆแล้ว โครงการ จะเหลือแค่ตัวบ้าน และถนน 4 เมตรเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงตั้งแต่แรก ดังนั้นวันนี้ทุกคนไม่ทนและรับไม่ได้ กับการที่บริษัทฯยักษ์ใหญ่ของขอนแก่น มาทำการหลอกลวงลูกค้า ซึ่งถือเป็นการกลั่นแกล้งและไม่รับผิดชอบใดๆ ขายหมดแล้วก็หมดไปเช่นนั้นหรือ ซึ่งลูกบ้านได้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมและ สคบ.เรื่องก็เงียบ ซึ่งอาจจะเป็นการต่อสู้กับผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่หรือบริษัทนายทุนรายใหญ่ที่กระทำการแบบนี้กับลูกบ้านที่ต้องสู้กันเองเช่นนั้นหรือจึงขอร้องเรียนต่อสื่อมวลชนได้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยเป็นกระบอกเสียงสะท้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย และการประกาศขายบ้านทั้งโครงการนั้นทุกคนพร้อมขายจริงหากโครงการจะรับซื้อคืนทุกคนก็ยินดีที่จะขายให้”

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท วี พร็อพเพอร์ ตี้ 2012 จำกัด ได้มีหนังสือถึงลูกบ้านทั้ง 24 หลัง เรื่องชี้แจงประเด็นพื้นที่ลานจอดรถและพื้นที่บริเวณป่ารกร้าง ลงวันที่ 23 ต.ค. โดยระบุว่า เรื่องลานจอดรถที่ระบุว่ารองรับลานจอดรถประเภทต่างๆได้ 100-200 คันนั้นโครงการขอชี้แจงว่าพื้นที่จอดรถดังกล่าวไม่ได้เป็นที่ดินภาระจำยอมของโครงการ แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นที่ดินส่วนบุคคล ที่อนุญาตให้ใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถ ร่วมกันกับสวนสัตว์ และศูนย์ฟิตเนส เรื่องการปรับปรุงพื้นที่บริเวณป่ารกร้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นของโครงการแต่เป็นที่ดินส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าของที่ดินรับทราบและจะดำเนินการไขปัญหาให้ ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคส่วนกลาง ที่เป็นพื้นที่ลานจอดรถนั้น ไม่ใช่ของโครงการ แต่เป็นที่ดินส่วนบุคคล ที่ใช้ที่ดินร่วมกัน ร่วมกับสวนสัตว์ และศูนย์ฟิตเนส