ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่น PM2.5 ปัญหามลภาวะทางอากาศที่คนไทยกำลังเผชิญมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในบางพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งหลายพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองสูงเกินค่ามาตรฐานและเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ “การเผาในที่โล่ง” ถือเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM2.5 ที่มากที่สุดในประเทศไทย
“กฟผ. ขอรณรงค์ให้คนไทยหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อช่วยกันลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วยวิธีง่าย ๆ ได้แก่ การงดเผาขยะและเศษวัชพืชในที่โล่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรและเป็นเทศกาลเปิดหีบอ้อย โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยบางส่วนนิยมใช้วิธีการเผาอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวอันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ไม่เพียงเท่านั้นหากมีการเผาในพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงด้วยแล้ว ควันและเขม่าที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสู่พื้นดินเป็นอันตรายต่อเกษตรกรและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมถึงอาจทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าตกหรือดับเป็นบริเวณกว้างได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศและประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม”
ตลอดที่ผ่านมา กฟผ. ให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องคุณภาพอากาศ โดยควบคุมดูแลกระบวนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. อย่างเคร่งครัด และมีการควบคุมคุณภาพอากาศที่ปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าให้ดีกว่าที่เกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด รวมถึงส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ E-bike (รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า), E-Bus (รถโดยสารไฟฟ้า), E-Boat (เรือไฟฟ้า) และ i-EV (รถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง) สำหรับใช้ภายในองค์กรและให้บริการชุมชนโดยรอบพื้นที่ กฟผ. ด้วย
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ โดยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อจอด งดจุดธูปหรือเปลี่ยนมาใช้ธูปไฟฟ้าแทน รวมถึงปลูกต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพในการดักฝุ่นสูง เช่น ทองอุไร อโศกอินเดีย เล็บมือนาง พวงคราม เป็นต้น เพื่อร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและอากาศที่บริสุทธิ์ ทำให้สูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอดตลอดทั้งวัน