วันอังคาร, 10 ธันวาคม 2567

เชื่อมั่นไทยพร้อมเดินหน้าตามเป้าหมาย ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เชื่อมั่นไทยพร้อมเดินหน้าตามเป้าหมาย ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค

วันที่ 19 ธันวาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ โดยในปี 2568 วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เป็นจำนวน 250,000 คันต่อปี ซึ่งจะทำให้ภายในปี 2573 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม สมาคมยานยนต์ไทย และหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ได้ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ โดยตั้งเป้าให้ปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้จำนวน 250,000 ต่อปี ซึ่งคิดเป็น 10% ของจำนวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ในประเทศ และในปี 2573 จะเพิ่มจำนวนการผลิตเป็น 750,000 คันต่อปี หรือ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด  2,500,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) 375,000 คัน รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (Plug-In Hybrid Electric Vehicle: PHEV) 375,000 คัน ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับ GDP ของประเทศไทย เป็นจำนวนเงินถึง 200,000 ล้านบาท และเพิ่มอัตราการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ถึง 30,000 อัตราต่อปี

โฆษกรัฐบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้พัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนปัจจัยแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจน ออกมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือแพคเกจรถยนต์ EV มาตรการลดภาษี EV ปี 2565 – 2568 ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการดำเนินนโยบายของรัฐบาล 

โดยรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เคยออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ปี 2563 ได้แก่ กรณีที่มีขนาดการลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาก็สามารถได้รับสิทธิเพิ่ม
กรณีขนาดการลงทุนน้อยกว่า 5,000 ล้านบาท การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี และจะได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นหากดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น เริ่มผลิตรถยนต์ภายในปี 2565 มีการผลิตชิ้นส่วนสำคัญเพิ่มเติมจากข้อกำหนดพื้นฐาน มีปริมาณการผลิตจริงมากกว่า 10,000 คันต่อปี และมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ถ้ามีโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid Electric Vehicles หรือ PHEV ด้วย จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ทั้งนี้ต้องการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 ชิ้น โดยทั้งหมดนี้ ทำเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนใน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีแนวโน้ม เติมโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ให้กับ ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของอุปสงค์ในประเทศ อัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเภทที่คนนิยมใช้ ได้แก่ Battery Electric Vehicle (BEV) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นหลัก โดยใน 10 เดือนแรกของปี 2565 มียอดการจดทะเบียนรถ BEV ประมาณ 15,423 คัน และคาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมียอดการใช้รถ BEV เพิ่มขึ้นกว่า 50,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากการที่ BOI พิจารณาการอนุมัติโครงการยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้อนุมัติไปแล้ว 26 โครงการจาก 17 บริษัท

“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอุปกรณ์ ในภูมิภาค ถือเป็นโอกาสแสดงศักยภาพ และเพิ่มสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจ รวมทั้งเชื่อว่าการแนวคิดด้านการผลักดันการใช้รถไฟฟ้าในประเทศ ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการเกิดมลพิษ และสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจตามโมเดล BCG เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่กับความยั่งยืนอย่างสมดุล” นายอนุชาฯ กล่าว

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณา ติดต่อนิตยา สุวรรณสิทธิ์-0628929797 DasKLf.jpg 8JER4J.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น เปิดไฟต้นคริสต์มาส “The World Great Celebration 2025” กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่       
ไฟเซอร์ ประเทศไทย รับรางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Awards 2024 ต่อเนื่องปีที่ 12
ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUSEM)
เปิดเหตุผล โก โฮลเซลล์ บุกเจริญราษฎร์ เจาะตลาดค้าส่งวัตถุดิบอาหาร บนทำเลทองใจกลางเมือง พบกัน 4 ธ.ค.นี้
เฮเฟเล่ ประเทศไทย ฉลอง 30 ปี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 เดินเกมรุกตลาดลักชัวรี ตั้งเป้า 10,000 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2573 ดัน “ประเทศไทย” เป็นศูนย์กลางบริหารและกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมืองเวินโจวของจีนพลิกโฉมสู่ศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางทะเลยุคใหม่ เดินหน้าสร้างนวัตกรรมและจับมือพันธมิตรทั่วโลก