กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก. 1 บก.ป. และ พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ สว.กก. 1 บก.ป., ร.ต.อ.เลอสันต์ พรมชื่น, ร.ต.อ.นภชลัน เกิดเอี่ยม รอง สว.กก. 1 บก.ป., ร.ต.อ.อรรถพล ฤทธิ์วัฒนะพงศ์ รอง สว.ฝอ.บก.ป., ร.ต.ท.หญิงโสภา คีรีวงศ์ รอง สว.(อก.) กก. 1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 2 กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นางนุชรี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 704/2563 ลง21 พ.ค. 63 ผู้ต้องหาตามหมายจับ “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม”
สถานที่จับกุม ซ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 กรมการกงสุลไทย ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครทูตไทย ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ว่าเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดบาร์เรน ได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาชาวไทย ในข้อหายาเสพติด ได้ที่กรุงมานามาฯ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ได้ตรวจสอบเอกสารของกลุ่มคนไทยดังกล่าว พบว่าหนังสือเดินทางและบัตรประจำตัวประชาชนของนางนุชรีฯ (หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม) น่าเชื่อว่าเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากภาพใบหน้าบุคคลที่ปรากฏในหนังสือเดินทางดังกล่าว มีใบหน้าคล้ายกับ นางนุชรีฯกรมการกงสุลไทย จึงได้ตรวจสอบข้อมูลหนังสือเดินทางในระบบ พบว่าข้อมูลในหนังสือเดินทางที่ ผู้ต้องหานำมาแสดงนั้น ไม่ตรงกับข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลหนังสือเดินทาง และจากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนไปยังกรมการปกครอง ยังพบอีกว่า ผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นมา โดยใช้ชื่อ–สกุลของผู้อื่น ทางกรมการกงสุล จึงได้แจ้งความดำเนินคดีต่อกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ นางนุชรีฯ ตามกฎหมาย
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นางสาวนุชรีฯ ได้เปิดร้านนวดอยู่ที่ประเทศบาห์เรน เพื่อจัดหาหญิงไทยไปค้าบริการที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งทางนางนุชรีฯ จะเดินทางเข้าออกประเทศไทย เพื่อมาชักชวนหญิงไทยไปค้าประเวณีอยู่เป็นประจำ โดยทำมานานกว่า 10 ปี จนได้ฉายาจากกลุ่มผู้หญิงไทยที่เดินทางไปขายบริการที่ประเทศบาห์เรนว่า “เจ้าแม่บาห์เรน” ซึ่งจากการ กระทำความผิดของผู้ต้องหา ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้กว่า 10 หมาย
กระทั่งวันที่ 14 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาหนีมาพักอาศัยอยู่บริเวณ ซ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”
ที่มา/เพจกองปรามปราบ