นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ทำให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้จ่ายซื้อของทางสื่อออนไลน์มากขึ้น ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคุมเข้มการขายสินค้าทางสื่อออนไลน์ กำชับให้ทำงานเชิงรุกอย่างครอบคลุม ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือป้องกันแก้ปัญหา และให้ความรู้กับผู้บริโภคได้รู้เท่าทันกลโกงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงให้เฝ้าระวังสินค้าที่ผิดกฎหมาย คัดกรองผู้ขายสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกหลอกลวง ทั้งนี้ หากพบเจอให้รีบแจ้งที่ สายด่วน สคบ. 1166 เพื่อดำเนินการเอาผิดทันที
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุปัจจุบันการซื้อขายออนไลน์มีแนวโน้มเข้าข่ายเป็นคดีอาญามากขึ้น มีผู้บริโภคถูกฉ้อโกงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ซื้อสินค้ามาแล้วเกิดปัญหาแต่หาตัวตนของผู้ขายไม่ได้ ปิดเว็บไซต์หนี หรือผู้บริโภคโอนเงินไปแล้วกลับไม่ส่งสินค้ามาให้ เป็นต้น โดยได้เน้นย้ำให้ สคบ. บังคับใช้กฎหมายเข้มงวดมากขึ้น หากพบว่ามีการหลอกลวง หรือทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งกฎหมายของ สคบ. หรือประสานหน่วยงานอื่นนำกฎหมายที่ดูแลอยู่ไปดำเนินการบังคับใช้
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย พี่น้องประชาชนต่างได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ขอให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์อย่าซ้ำเติมความเดือดร้อนด้วยการขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ฉ้อโกงผู้บริโภค ขอให้ซื่อสัตย์ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ก้าวผ่านสถานการณ์ไปด้วยกัน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว