วันศุกร์, 11 ตุลาคม 2567

ศูนย์วิจัยกสิกรฯเผยโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหาย 4.5 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 เดือน

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์ COVID-19 รอบใหม่ที่เริ่มต้นจากตลาดกุ้งในสมุทรสาคร จนกระทั่งมีการล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่ 19 ธ.ค.2563 ถึง 3 ม.ค.2564 และพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่กระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ ในหลายจังหวัดของประเทศไทย จะทำให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยอาจได้รับความสูญเสีย คิดเป็นมูลค่าราว 45,000 ล้านบาท ในกรอบเวลา 1 เดือน ประกอบด้วย

1.ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประมงและอาหารทะเล ที่อาจมีมูลค่ารวมกันราว 13,000 ล้านบาท จากความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดการชะลอการบริโภคสินค้าประมงและอาหารทะเลในระยะสั้น นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวในระยะถัดไปก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้างโดยเฉพาะในด้านขั้นตอนการตรวจสอบและกระบวนการต่างๆ ที่คู่ค้าอาจหยิบยกให้ผู้ประกอบการไทยมีการดำเนินการเพิ่มเติม

2.ความสูญเสียจากการที่ประชาชนชะลอการทำกิจกรรมในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท

3.ความสูญเสียจากการชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดในภาคตะวันตกและภาคกลาง รวมกรุงเทพฯ ตลอดจนจังหวัดรอยต่อชายแดนระหว่างไทยและเมียนมา

ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่า ไม่พบคลัสเตอร์ของจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดอื่นหรือเหตุการณ์ไม่ลุกลามจนนำมาสู่การล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง

นอกจากนี้ ยังอาจมีผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างชัดเจน อาทิ ผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการที่ค้าขายสินค้าอื่นๆ ในตลาด จากการที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการสัญจรโดยเฉพาะการสัญจรไปในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือพบผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

“ผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 ที่สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นกรอบการประเมินเบื้องต้นจนถึง ณ ขณะนี้เท่านั้น ซึ่งหากการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ สามารถควบคุมได้ และภาครัฐมีมาตรการที่สร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสที่มูลค่าความสูญเสียจะต่ำกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้”