ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่นักกีฬาดีเด่น ผู้ฝึกสอน และบุคลากรในวงการกีฬาที่ทำคุณประโยชน์ให้กับวงการกีฬา เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2563 รวม 21 รางวัล โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นักกีฬาดีเด่น ผู้ฝึกสอน และบุคลากรในวงการกีฬา ที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงาน โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมกล่าวว่า งานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2563 เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไทย และได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาเรือใบ ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 และเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนไทยเห็นคุณค่าความสำคัญของการกีฬา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ปี 2563 วงการกีฬาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID –19) ทำให้การแข่งขันกีฬาทั้งในระดับชาติและนานาชาติต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่จะเห็นได้ว่าแม้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย การกีฬาของประเทศไทยก็สามารถปรับตัวให้สามารถดำเนินกิจกรรมภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดได้ อีกทั้ง ศบค. ยังได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้นักกีฬาได้มีการซ้อม ทำให้ยังคงปรากฏผลงานของนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬา ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาวงการกีฬาของชาติ โดยจะพัฒนาวงการกีฬาและนักกีฬาทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง ให้มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งต้องมีการเตรียมการตั้งแต่รุ่นเยาว์ให้มีการแข่งขันกันในประเทศและต่างประเทศ อันเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นส่งเสริม สร้างโอกาสทางการกีฬา ให้การสนับสนุนนักกีฬาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการกีฬาเพื่อประชาชน ตลอดจนสร้างนักกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและพัฒนาการกีฬาสู่การสร้างเศรษฐกิจอย่างครบวงจร
นายกรัฐมนตรีได้แนะแนวทางแก่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในเรื่องการแข่งขันวิ่งเทรล ซึ่งมีความพร้อมในการจัดการแข่งขันอยู่แล้วในขณะนี้ โดยต้องการให้ผู้จัดรายเล็กและรายใหญ่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขันด้วย เพื่อสร้างรายได้สร้างอาชีพให้กับคนทั่วประเทศ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีแนะให้มีการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัล การนำปัญญาประดิษฐ์ AI มาเสริมการกีฬา และสนับสนุนการแข่งขันกีฬา รวมทั้งขอให้นักกีฬาได้เน้นเรียนรู้วิทยาศาสตร์การกีฬาให้มากที่สุด และต้องคำนึงถึงสภาพร่างกายของตนเองเพื่อความปลอดภัยในการเล่นกีฬา และขอให้นักกีฬาทุกคนเป็นแบบอย่างของความตั้งใจความพากเพียร และความมานะให้แก่เด็กและเยาวชนไทยต่อไป
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงหลักคิดเรื่องนาฬิกาแห่งชีวิต ซึ่งเป็นหลักในการทำงานให้สำเร็จเพื่อประเทศไทยของนายกรัฐมนตรี ว่า นาฬิกาต้องเดินทุกเรือน เพราะนาฬิกาเป็นนาฬิกาแห่งชีวิตไม่มีการทวนเข็ม ต้องเดินไปข้างหน้า เหมือนโลกทุกวันที่เปลี่ยนแปลงทุกวินาที ขณะเดียวกันการพัฒนาในโลกที่เปลี่ยนไปคือเวลาชีวิตของทุกคนที่จะลดลง แต่ในขณะเดียวกันในชีวิตที่เรามีอยู่ต้องเร่งทำความดี มีการพัฒนา มีการสร้างความเพียร นาฬิกาแห่งชีวิตของเราลดน้อยลงทุกวันแล้ว เราห้ามไม่ได้ แต่ความก้าวหน้าของเราสามารถจะเดินไปข้างหน้าทุกวัน โดยต้องเดินให้ทันเข็มนาฬิกาของเราให้ได้ พร้อมกับเราต้องสืบสาน รักษา ต่อยอดทุกอย่างตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงสืบสานแนวพระราชดำริจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทุกคนต้องมีศรัทธา ต้องมีกำลังใจ มีความเข้มแข็งอดทนในการเดินหน้าประเทศไทย โลกเปลี่ยน ประเทศไทยต้องปรับ ทั้งวิธีการ กลไก วิธีการบริหาร บุคลากร ต่าง ๆ ต้องมีการพัฒนาตนเอง คิดให้นอกกรอบบ้าง โดยไม่คิดทำแบบเดิม ต้องคิดไปข้างหน้า เพื่อส่งทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับอนาคตของเรา ลูกหลานเยาวชนคนรุ่นใหม่ของเราในวันข้างหน้า ด้วยความรักและความสามัคคี โดยมีหลักชัย แกนหลักของประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นพลังในการทำงาน “รวมใจไทยสร้างชาติ”