วันศุกร์, 4 ตุลาคม 2567

“สนธิรัตน์” โกอินเตอร์ นั่งหัวโต๊ะถกผู้นำพลังงานโลก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เสนอแนวคิด โรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมเรื่อง prosumerization และเน้นย้ำการเป็นผู้นำด้านพลังงานไฟฟ้าของไทย ในภูมิภาคอาเซียน ในเวที IEA การประชุมด้านพลังงานระดับโลก ในฐานะประธานร่วมการประชุม หัวข้อ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาด
การประชุมนี้ จัดขึ้นโดยทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Dialogue) เพื่อเป็นเวทีในการแสดงบทบาทและวิสัยทัศน์จากผู้นำด้านพลังงานของ ทุกประเทศในการหารือร่วมกันในประเด็นการเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลกให้เป็นพลังงานสะอาด ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่แผนการดำเนินการระยะสั้นเพื่อการฟื้นฟูภาคพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาด ของโรค COVID-19 และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่จำเป็นสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อให้บรรลุแผนระยะยาวในการใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และเพื่อส่งเสริมให้ภาคพลังงาน มีความมั่นคง ราคาเข้าถึงได้ และยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีเข้าร่วม การประชุมมากกว่า 40 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงนโยบายและวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในช่วงต้นของการประชุม ในหัวข้อ“บทบาทของภาคไฟฟ้าที่พึ่งพาได้และมีความยั่งยืน”โดยมีใจความว่า จากการประกาศนโยบาย “พลังงานเพื่อทุกคน” (Energy For All) ตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่ง และได้ดำเนินนโยบายจนเป็นที่ยอมรับทั้งในส่วนของภาคประชาชนและเอกชน จนปัจจุบันได้ประกาศนโยบายภาคต่อ “พลังงานสร้างไทย: RE-Energizing Thailand” ที่เน้นทั้งด้านการลดรายจ่ายด้านพลังงาน การเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านโครงการต่างๆ โดยหนึ่งในโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชน ได้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานสะอาด ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ ฐานราก ด้วยการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย และพัฒนาศักยภาพแหล่งเชื้อเพลิงด้านพลังงานในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายสนธิรัตน์ฯ ยังได้กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงาน ได้เป็นกำลังสำคัญในการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 โดยได้ออกมาตรการด้านการเงินและการผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคพลังงานทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) รวมถึงเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด อาทิ การขับเคลื่อนโครงการโซลาร์ภาคประชาชน 50 MW ซึ่งสอดรับกับทิศทางการเปิดโอกาส ให้ประชาชนสามารถเป็นได้ทั้งผู้ผลิตและผู้ขายพลังงาน (Prosumerization) อีกด้วย
ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์ฯ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ IEA ที่ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนในปีที่ผ่านมา รวมถึง ขอบคุณ IEA ที่ช่วยจัดทำรายงานผลการศึกษาทางวิชาการที่มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังงานในภูมิภาคอาเซียน เช่น การจัดทำข้อเสนอแนะด้านการส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (RE Integration to grid) และการศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อ-ขายไฟฟ้าพหุภาคีอาเซียน (MultilateralPower Trade) เป็นต้น โดยในช่วงท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังได้กล่าวยืนยันท่าทีของประเทศไทยที่มุ่งมั่นในการพัฒนาไปสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาดและพร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ IEA ต่อไปในอนาคต